วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

++ สงคราม ทักษิณ-สนธิ ++

10 "อย่า" สำหรับติดตามข่าวสงคราม ทักษิณ-สนธิ



ประชาไท—30 พ.ย. 2548 ‘กาแฟดำ’ ซึ่งเป็นนามปากกาของ สุทธิชัย หยุ่น ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่นเสนอ “เสมือนคู่มือ” การติดตามข่าวความขัดแย้งระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณฯ ชินวัตร นายรัฐมนตรี กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในคอลัมน์กาแฟดำ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 พ.ย. 2548 โดยมีข้อเสนอพึงระวัง 10 ข้อคือ


1.อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ้างว่าคุณเป็นของฝ่ายเขา ก่อนที่คุณจะพิจารณาใคร่ครวญให้ถ่องแท้เสียก่อนว่า น้ำหนักของแต่ละฝ่ายนั้นมีมากน้อยเพียงใด


2.อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาอ้างว่า "ถูกต้องตามขั้นตอน" ตามกฎหมาย อย่าเชื่อเพียงเพราะด้านหนึ่งออกข่าวในช่องทีวีในเวลาไพร์มไทม์ และอย่าเชื่อเพียงเพราะคนอื่นบอกว่าน่าเชื่อ


3. อย่าเชื่อเพียงเพราะความดุดันของภาษา และอย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเป็น "โฆษก" ของใคร จะเป็นโฆษกด้านการเมืองหรือกระบอกเสียงด้านศาสนาก็ตาม


4.อย่าฟังเฉพาะเรื่องปัจจุบัน อย่าเชื่ออดีตที่ข้างเดียวนำมาอ้างและอย่าคิดว่า อนาคตจะเท่ากับเอาปัจจุบันบวกกับอดีตเท่านั้น เพราะเดิมพันของเขากับเดิมพันของประเทศอาจจะไม่ใช่เรื่องเดียวกัน


5.อย่าถามว่าใคร "จริงใจกับประชาชน" มากกว่าใคร เพราะนี่ไม่ใช่การประกวดรางวัลคนดีศรีสังคม นี่เป็นการเผชิญหน้าที่ทั้งสองฝ่ายต้องการ "ชัยชนะ" เบ็ดเสร็จ ซึ่งแปลว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะต้อง "แพ้" แต่ผลประโยชน์ประชาชนอาจจะไม่ได้อยู่ที่กติกาที่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นมาเสมือนหนึ่งเราต้องยอมรับ


6.อย่าหวั่นไหวกับข่าวลือว่า ใครจะทำอะไรมิดีมิร้ายด้วยกำลังหรืออำนาจเถื่อน นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์แห่งการสัประยุทธ์ เพื่อดึงความสนใจของฝ่ายตรงกันข้ามเท่านั้น เพราะใครที่คิดจะใช้กติกานอกระบบ ก็ต้องเตรียมที่จะล่มสลายด้วยกติกานอกระบบเช่นกัน


7. ถามว่าจะเชื่อฝ่ายไหนดี? ตอบว่า อย่ากระโจนเข้าใส่ทั้งตัว, อย่าโหนกระแสข้างใดข้างหนึ่ง...จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ให้ว่า เป็นเรื่องๆ ไป ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยย่อมจะสงวนสิทธิที่จะไม่จำเป็นต้องเป็น "ตัวประกัน" ในกรณีของการที่ทั้งสองฝ่ายถล่มใส่กันอย่างไม่ลืมหูลืมตา


8.เรื่องนี้เกี่ยวกับผลประโยชน์ขัดแย้งส่วนตัวหรือสงครามตัวแทนหรือการต่อสู้ว่าด้วยเสรีภาพของสื่อ? ตอบว่า มีสีดำผสมขาวกลายบวกกับสีเทา เวลาและเนื้อหาของข้อสรุปเท่านั้นที่จะตัดสิน อีกไม่ช้าก็จะได้คำตอบ


9.ถ้าไม่อยากผิดหวัง อย่าคิดว่า นี่คือการปะทะระหว่างฝ่ายธรรมะกับอธรรม ให้ทำใจเสียว่าสถานการณ์อาจจะพลิกผันไปในทิศทางที่ประชาชนอาจจะคาดไม่ถึง และเตรียมตัวเตรียมใจว่าเรื่องนี้อาจจะจบลงด้วยที่คุณต้องอุทานว่า "เฮ้ย, ทำไมจบอย่างนี้ได้หว่า?"


10.อย่าหวั่นไหว, อย่ากลัวอำนาจ, อย่าตกตื่น, อย่าตามแห่...อย่าให้ใครบอกว่า เราเป็นแค่พวกชอบมันส์, เอาแต่เพียงสะใจ, หรือทาสประชานิยมที่ปล่อยไม่ไป เพราะเราถูกปรามาสและเหยียบย่ำมาเกินพอแล้ว




วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

“ ทำอย่างไร...ถึงจะไม่หลับคาโต๊ะกวดวิชา ”



9 วิธี “ทำอย่างไร...ถึงจะไม่หลับคาโต๊ะกวดวิชา”


1. ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องเข้าเรียนแต่เช้า : ก็อย่าดูหนังดูละครจนดึกเกินสี่หรือห้าทุ่ม เพราะเวลานอนที่ขาดไปมันมักจะมาเอาคืนช่วงเรียนพิเศษที่มีอาจารย์ในดีวีดีมากล่อมเสมอ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะหากนอนดึกแล้ว ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะมาทำให้เราหายง่วงได้ นอกจากไปกินกระทิงแดง (แต่ก็ไม่แนะนำว่าไม่ดีต่อสุขภาพ)


2. พกขนมหรือน้ำเข้าไปด้วย : แต่ !!! ห้ามกินตั้งแต่เริ่มเรียน เพราะจะทำให้ง่วงง่ายมากกกกก ให้กินเมื่อเริ่มง่วงเท่านั้น (บางทีลองซื้อขนมที่เวลาแกะแล้วเสียงดังๆ เพราะเวลาแกะขนมนั้นจะทำให้เราตื่นเต้นและกลัวว่าคนข้างๆ จะด่า (มันมีวิธีอย่างนี้ด้วยเรอะ) ทำให้ตาสว่าง แต่ถึงอย่างไร ถ้าคิดว่าจะรบกวนคนข้างๆ ละก็ ก็ให้ซื้อขนมจุกจิกเล็กๆน้อยๆไปแทน) เมื่อหายง่วงก็ให้หยุดกินแล้วตั้งใจเรียนต่อไปซะ


3. อุปกรณ์สำหรับเรียนกวดวิชา : สำคัญนะคะ เพราะเวลาเราง่วงๆ ก็หยิบปากกาสี หรือพวกไฮไลท์มาวาดๆ เขียนในหนังสือให้มันคัลเลอร์ฟูลไปเลย แต่อย่าทำให้เลอะเทอะไป เพราะเวลาทบทวนหนังสืออาจจะทำให้เรามึนได้ ให้วาดๆ เขียนๆ ด้านหลังหนังสือก็ได้ หรือไม่ก็เวลาอาจารย์ให้เน้นอะไรก็ใส่สีให้พอสวยงามก็ทำให้เราหายง่วงได้เช่นกันค่ะ แต่ถึงยังไงก็ต้องตั้งใจฟังอาจารย์อย่ามัวแต่วาดเพลินนะคะ


4. ฝึกจินตนาการผ่านกวดวิชา : ลองมองดูอาจารย์สอนกวดวิชาสิคะ ท่านจะมีอะไรให้เราได้จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอ ตั้งแต่คำพูดติดปากของอาจารย์ สีเสื้อผ้า ทรงผม เสียงหัวเราะของอาจารย์ บางที...มุขฝืดๆของอาจารย์ก็ช่วยพวกเราจากความง่วงงันได้เหมือนกันนะ


5. สำหรับคนที่ชอบหลับคาโต๊ะกวดวิชา : เราขอแนะนำ!! ให้ลองก้มลงไปนอนโต๊ะคนอื่นดูค่ะ (หา!!) แล้วจะไม่ง่วงอีกเลย (แต่จะได้เบ้าตาหมีแพนด้ามาแทน ...อ้าว)


6. ตั้งใจฟังอาจารย์ : เรียนให้เต็มที่ คำนวณอะไรก็คิดๆๆๆๆๆ คิดผิดก็คิดมันไป อาจารย์เฉลยว่าผิดแล้วก็ลบแอบๆ หน่อย (อายคนข้างๆ) พอเวลาคำนวณถูกก็เปิดมันเลย! ดูเส่ะๆพวกหล่อน ฉันคิดถูก ว่ะฮ่าๆๆๆ


7. สำหรับคนที่กินขนมแล้วชอบหลับ : แนะนำค่ะ ลูกอมรสเปรี้ยวๆ กินแล้วตื่นเต็มตาเลยค่ะ (แต่ถ้ากินบ่อยๆอาจทำให้คุณชินและหลับได้แม้กระทั้งในปากเปรี้ยวจี้ด) หรือไม่ก็ลูกอมมิ้นท์เย็นๆ แบบว่าเย็นสุดขั้ว กินแล้วเย็นไปถึงรูขุมขนได้ยิ่งดี นั่นจะทำให้คุณตื่น (แต่บางคนอาจจะหลับ) เรื่องลูกอมต้องค่อยๆลองไปสลับไปได้เรื่อยๆ ยิ่งดี วันนึงก็รสนึง อีกวันก็รสใหม่ จะทำให้เราไม่คุ้นและไม่ง่วง


8. หากเรียนไปแล้วเริ่มจะเข้าเฝ้าเทวดา : ให้นึกถึงเวลาที่ใกล้จะหมดสิคะ นั่นอาจจะทำให้รู้สึกลัลล้าและตื่นเต็มตาได้ แต่ถ้าหากเพิ่งจะเริ่มเรียนแล้วง่วงละก็ ลองไปล้างหน้าล้างตาดูนะคะ


9. บรรยากาศในห้องเรียน : เป็นส่วนหนึ่งทำให้เคลิ้มได้ บางทีก็เย็นจนปอดจะแข็งตาย บางทีก็ร้อนตับจะออกมานอกร่าง ขอแนะนำว่าให้ลองใจกล้าเดินไปบอกพี่ที่คุมเลยค่ะ ว่าร้อนหรือหนาว จะได้ไม่รู้สึกเคลิ้มหรือไม่เครียดขณะเรียน





วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไม้จิ้มฟัน
















เปิด เทอม แล้ว
^^