วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

" คริลล์ " ( Krill )



เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากเมื่อทราบว่าปลาวาฬสีน้ำเงิน ซึ่ง เป็นสัตว์ที่มีขนาดลำตัวใหญ่ที่สุดในโลก มีลำตัวยาวถึง 30 เมตร และมี น้ำหนักมากกว่า 200 ตัน กินอาหารพวกกุ้งทะเลที่มีลำตัวยาวเพียง 6 เซนติเมตร และมีน้ำหนักเพียงประมาณ 1 กรัม ปลาวาฬจะต้องกินกุ้งทะเล เป็นปริมาณสูงถึง 3 ตันต่อการกินหนึ่งครั้ง จึงจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิต

กุ้งคริลล์ (Krill) มาจากชื่อว่า Krill ในภาษานอร์เวย์ แปลว่า ปลาเล็ก เป็นสัตว์ทะเลจำพวกกุ้งขนาดเล็ก จัดอยู่ในอันดับ Euphausiacea ในวงศ์ Euphausiidae มีจำนวนมากถึง 85 ชนิด ลำตัวยาวตั้งแต่ 0.5-6 เซนติเมตร ลำตัวมีเปลือกแข็งหุ้มส่วนอกและมีตาเป็นก้านยาวเช่นเดียวกับกุ้ง ทั่วไป แต่รยางค์บนส่วนอกปล้องแรกไม่ดัดแปลงไปเป็นรยางค์ปาก และบางส่วนของรยางค์ที่ส่วนอกเปลี่ยนรูปไปเป็นเหงือกช่วยหายใจ ซึ่งยื่นออกไปนอกเปลือกคลุมตัว ส่วนใหญ่มีอวัยวะเรืองแสง มักอยู่ที่ ตำแหน่งตาที่โคนของรยางค์และใต้ส่วนห้อง เชื่อว่าใช้ในการติดต่อกัน ในฝูงและใช้ในเวลาสืบพันธุ์

กุ้งคริลล์ชนิดที่สำคัญและมีชุกชุมที่สุด คือ คริลล์แอนตาร์กติก (Ant arctic krill หรือ Whale krill) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphausia superba คริลล์มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อการคงอยู่ของระบบนิเวศของบริเวณ ขั้วโลกใต้และต่ออุตสาหกรรมการประมง ระบบนิเวศในแถบทวีปแอนตาร์ก ติก มีกุ้งคริลล์เป็นตัวหลักหรือเป็นศูนย์กลางของระบบ ในระบบสายใย อาหาร (food web) กุ้งคริลล์กินแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์ ใน ขณะที่ตัวเองเป็นอาหารหลักของสัตว์เกือบทุกกลุ่มในบริเวณตั้งแต่ปลา ปลาหมึก นกทะเล และแมวน้ำ รวมทั้งปลาวาฬขนาดใหญ่หลายชนิด หาก มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อการดำรงชีวิตของกุ้งคริลล์แล้ว ย่อมส่งผลกระทบ ต่อสัตว์ทุกชนิดที่อยู่ในห่วงโซ่อาหาร (food chain) อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได
ในด้านการประมง มนุษย์ได้เริ่มจับกุ้งคริลล์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2503 ปริมาณการจับได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีปริมาณสูงสุดถึง 500,000 ตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2523-2524 เรือประมงของหลายประเทศที่ทำการจับกุ้ง- คริลล์ ได้แก่ โซเวียต ญี่ปุ่น ชิลี โปแลนด์ และเกาหลีใต้ ปริมาณของ กุ้งคริลล์จึงได้ลดลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2534 จึงมีการ จำกัดปริมาณการประมงกุ้งคริลล์ขึ้นเป็นครั้งแรก อุตสาหกรรมแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากกุ้งคริลล์ ส่วนใหญ่ทำกันในประเทศโซเวียต โปแลนด์ และ เยอรมนี

ในธรรมชาติกุ้งคริลล์อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มแน่นในบริเวณ ตอนบนๆ ของผิวน้ำทะเล ในมหาสมุทรรอบๆ ทวีปแอนตาร์กติก ในฤดูร้อน ของทุกปีการแผ่กระจายของฝูงกุ้งคริลล์กินเนื้อที่กว้างนับล้านตารางกิโลเมตร ถึงขนาดทำให้น้ำทะเลในบริเวณดังกล่าวมีสีออกน้ำตาลแดง ปริมาณของกุ้งคริลล์อาจสูงถึง 1,000 ล้านตัว กุ้งคริลล์กินแพลงก์ตอนพืช และสัตว์ขนาดเล็กมาก โดยการกรองด้วยขา 6 คู่แรก บนส่วนอกที่ทำหน้าที่ คล้ายเป็นตะแกรงสำหรับกรองอาหาร

ตามปกติกุ้งคริลล์มีอายุในธรรมชาติได้นาน 5 ปี และบางตัวอาจ มีอายุยืนถึง 9 ปี ในที่เลี้ยงพบว่ากุ้งคริลล์มีชีวิตอยู่ได้นาน 200 วัน โดย ไม่ต้องกินอาหารเลย โดยจะลอกคราบถี่มาก หลังการลอกคราบแต่ละครั้ง ขนาดลำตัวจะหดเล็กลงไปเรื่อยๆ จนอวัยวะที่แสดงเพศหลุดหายไปดู คล้ายตัวอ่อน ดังนั้นตัวที่ดูเหมือนตัวอ่อนในต้นฤดูร้อนนี้ อาจจะเป็น ตัวเต็มวัยในฤดูร้อนปีก่อนก็ได้ การศึกษาในระยะหลังนี้ยังพบอีกว่า กุ้งคริลล์สามารถไข่ได้ทุกๆ 7 วันในฤดูร้อน แต่ปริมาณของไข่มีจำนวน ไม่มากนัก ไข่ที่ผสมแล้วจะติดอยู่ที่ใต้ท้องของตัวเมีย ไข่เมื่อฟักออกมา ตัวอ่อนระยะแรกเป็นตัวอ่อนแบบนอเพลียส (nauplius) ซึ่งลำตัวเป็น รูปไข่ มีรยางค์ 3 คู่ ใช้เคลื่อนที่ไปอย่างอิสระ

ไม่มีความคิดเห็น: